ดอกไม้ในแจกัน - ดอกไม้ในแจกัน นิยาย ดอกไม้ในแจกัน : Dek-D.com - Writer

    ดอกไม้ในแจกัน

    เรากำลังเอาใครมาเป็นปักไว้ในแจกันบ้างหรือเปล่า

    ผู้เข้าชมรวม

    392

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    392

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  9 ก.พ. 56 / 02:55 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                 กลิ่นธูปที่จางอยู่ในอากาศกับควันสีขาวบางเบากลมกลืนไปกับผนังไม้ อัดสีขาวที่ถูกตีขึ้นอย่างหยาบๆเป็นภาพประจำของผมที่ต้องบันทึกด้วยประสาท สัมผัสทุกครั้งขณะกำลังออกไปทำงานนอกบ้านทางประตูไม้ การไหว้เจ้าที่เจ้าทางของคนจีนที่แสดงถึงการเคารพการดำรงอยู่ของผู้มาก่อน เจ้าของที่ดินที่มีจิตใจหวงแหน เพื่อให้พิทักษ์สวัสดิภาพของคนในบ้าน พร้อมทั้งการขอขมาต่อการล่วงเกินหรือการใช้สอยในพื้นที่ที่เงินตราไปไม่ถึง


       

                  และอีกสิ่งหนึ่งสำหรับการบูชาคือ ดอกไม้สีสดที่ถูกผลัดเปลี่ยนทุกวันพระ ทั้งดอกกล้วยไม้ ดอกชบา ดอกบัวตามแต่โอกาสและใจของแม่ค้า ทุกๆรอบเวลาเมื่อมาถึงแจกันที่บรรจุน้ำไว้กึ่งก้นจะรองรับก้านของดอกไม้ 3 ก้าน เพื่อบูชาเสมือนสิ่งที่เราต้องการอย่างดอกบัวหลวงคือ ความสุข ความสำเร็จ ดอกชบาอันเป็นตัวแทนของการเบ่งบาน ความถึงพร้อม หรือ คำตอบอย่างขำๆของพี่เลี้ยงผมเองว่า อยากจะสวยงามเหมือนดอกไม้ในภพภูมิต่อไป


       

                   ผมก็อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าหากดอกไม้มีชีวิต และเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติอันมีวัฎจักรในการเบ่งบานและร่วงโรย เพราะเหตุใด มนุษย์เราจึงต้องนำดอกไม้เหล่านั้นออกจากกิ่งก้านของต้น ทั้งๆที่เป็นส่วนหนึ่งของการดำรงชีวิตอย่างอวัยวะในการสืบพันธุ์มาเพื่อกัก ไว้ในบ้านที่ปิดจากโลกภายนอกและเฉาเหี่ยวอย่างเดียวดายตามกาลเวลา แทนที่จะได้อยู่กับต้นอันเปรียบเสมือนตัวตนของเขาเอง


       

                   มันเป็นการทำตามประเพณีที่สืบทอดกันมา ดอกไม้เปรียบเสมือนการบอกกล่าวแก่พวกเขาเหล่านั้นที่เรากล่าวถึงเพื่อแสดง ให้เห็นความเคารพ การถวายที่เสมือนการเอาใจเหล่าทวยเทพทั้งหลายให้เราพบกับ "สิ่งดีๆ"... คำตอบนี้เป็นคำตอบที่ผมได้รับอยู่เสมอๆในเรื่องของความเชื่อ 


       

                   และพอผมเห็นแย้งด้วยประเด็นที่ว่า ถ้าอย่างนั้น ทำไมเราถึงไม่ลดความประพฤติอันล่วงเกินต่อจริยธรรมต่างศาสนาเพื่อบูชาเหล่า ทวยเทพแทนที่จะเบียดเบียนต้นไม้เหล่านั้นเล่า


       

                   ก็ ไหนๆมันก็มีขายอยู่แล้ว ถ้าหากมันขายยังไงมันก็ต้องตาย เราก็แค่ใช้ อีกทั้งการใช้ดอกไม้พวกนี้ก็เป็นการสร้างงานให้กับคนอื่นๆที่เรามองไม่เห็น กันอีกหลายๆคน


       

                  ผมหยุดการถกเถียงไว้เท่านี้กับผู้รู้ภายในบ้าน และเดินมองดอกไม้คู่นั้นอยู่ในแจกันอย่างผ่านๆในเวลาต่อมา


       

                  ผมก็ไม่ได้เ้ป็นนักพรตผู้เห็นใจสรรพสัตว์อะไรหรอกครับ แต่ผมก็แค่คิดหาตรรกะเพื่อหาหลักของการอธิบายการกระทำที่เกิดขึ้นว่า มันเคลือบแฝงไปด้วยอะไรบ้างและเราจะเอาวิธีคิดแบบนี้ไปใช้กับเรื่องอื่นๆใน ชีวิตอะไรได้อีกบ้าง (แต่ไม่ควรใช้กับทุกเรื่องนะครับ)


       

                  ถ้าหากมันเป็นเรื่องของปากท้อง การกินแบบสายตรงอย่้าง ผัก หรือ ผลไม้ ผมก็ไม่ตั้งคำถามเกี่ยวกับการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตอะไรหรอกครับ แต่เรื่องของดอกไม้เป็นเรื่องของความสวยงามและการบริโภคโดยค่านิยม ถ้าหากมันช่วยเสริมสร้่่างความจรรโลงใจของคนในบ้าน ก็พอจะเป็นเรื่องหนึ่ง แต่ไม่ค่อยมีใครเห็นมันนอกจากตอนจะเปลี่ยนมันนี่สิ


       

                  สิ่งที่ผมติดอยู่คือ ทำไมคนเราถึงต้องเชื่อในเรื่องสัญลักษณ์แบบนี้ ที่การถวายพระหรือการปักแจกันหน้าหิ้่งจำเป็นต้องทำกันอย่างเอิกเกริก ขอย้ำครับว่า เอิกเกริกเพราะธุรกิจการขายดอกไม้เพื่อการบูชาทางศาสนาพุทธแบบไทยๆที่เป็น อยู่ในปัจจุบันมีปริมาณมากและทุกวันพระหรือไม่พระ จะพบดอกไม้ที่ถูกผลิตและจัดเก็บในลักษณะนั้นอยู่อย่างเกลื่อนๆ ผมเองก็ไม่ค่อยเห็นใครเอาดอกไม้ไหว้พระไปจัดช่อวางไว้ห้องรับแขกบ้านเลยซัก คน แต่ดอกไม้จะถูกมัดกันเป็นช่อด้วยยางเส้นวงเล็กๆ ช่อละ 2-3 ก้าน


       

                  ปักไว้ในแจกันเพื่อเป็นรูปสัญญะทางใจ บ่งบอกถึงความอยู่ดีมีสุขที่ไม่ได้แสดงให้เห็นเป็นผลจริงจังแต่อย่างใด ซึ่งค่อนข้างจะตรงข้ามกับหลักศาสนาทีั่่ผมถูกปลูกฝังมา ในเรื่องของการละวางการเบียดเบียนต่อสิ่งรอบข้างโดยไม่จำเป็นถ้าหากเป็นไป เพื่อความสวยงามและจรรโลงจิตใจของคนในบ้าน ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครเดินผ่านดอกไม้เหล่านี้และยืนดูมันอย่างจริงจังเลยซัก ครั้ง


       

                  ตกลงว่า สัญลักษณ์เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของศาสนาที่สอนไม่ให้งมงายในการอวยพรทวยเทพ เพื่อรับสิ่งใดตอบแทนและเป็นศาสนาที่ไม่ได้บอกให้เบียดเบียนสิ่งอื่นเพื่อ ความงดงามทางใจ


       

                  ผมผ่านดอกไม้แจกันนี้อีกแล้ว...มันคงจะดีและสดใสกว่านี้ถ้ามันได้ติดกับลำ ต้นที่อยู่ในดินเพื่อเติบโตในทางที่มันควรจะเกิดขึ้น ทำหน้าที่ของมัน และ เหี่ยวเฉาเมื่อถึงกาลเวลาอันสมควร การตายของดอกไม้ก็ควรจะเป็นไปตามเจตจำนงค์ของต้นไม้ สภาพดินและสภาพภูมิอากาศที่ตัวต้นดำรงอยู่ เพื่อทำหน้าที่และสูญเสียอย่างที่มันสมควรจะเป็น แทนที่จะมาอยู่ในที่ที่มันไม่น่าจะอยู่ เพื่อทำหน้าที่ที่ไม่สมควรทำ และ เหี่ยวเฉาไปทั้งๆที่การเกิดมายังไม่ได้เป็นไปตามจุดประสงค์ของตัวมันเอง แต่เพื่อเจตจำนงค์ของคนอื่นที่ไม่ได้สร้างความรู้สึกทางจิตใจอันจำเป็นเท่า ไหร่นัก แล้วก็ดับสูญไปอย่างนั้นโดยไม่มีใครจดจำมันได้ว่ามันคือดอกไม้ช่อไหน


       

                  อาจดูเสียเวลาครับ เพราะการครุ่นคิดเรื่องบางเรื่องทำให้การเอาใจใส่ต่อเรื่องประจำวันมันน้อย ลงจนเกิดเหตุการณ์อย่างลืมกุญแจรถ ที่ทำเอาผมต้องเดินกลับมาหยิบเพื่อเดินทางออกไปทำงาน แต่อย่างน้อยก็ได้กลับมาครุ่นคิดว่าตอนนี้เรากำลังเป็นดอกไม้ในแจกันหรือ ดอกไม้ในดิน


       

                   และที่สำคัญ เรากำลังเอาใครมาเป็นปักไว้ในแจกันบ้างหรือเปล่า ก็เท่านั้นเอง.

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×